แนะนำหนังผู้มีประจำเดือน

เข้าสู่ช่วงเดือนสิงหาคมที่ยังคงต้องกักตัวและอยู่บ้านกันยาวๆ วันนี้แฮปปี้มีหนัง 5 เรื่อง เกี่ยวกับเพศหญิงและความเป็นแม่มาฝากกันค่ะ 

Little Miss Period (2020) ภาพยนตร์ดัดแปลงจากการ์ตูนสุดฮิต ที่จะเล่าถึงเรื่องราวอันแสนน่าหนักใจของผู้หญิงใน “วันนั้นของเดือน” ผ่านพล็อตเรื่องปั่นๆฮาๆ อย่างการมีมาสคอตน้องเมนส์ ที่จะคอยตามติดตัวละครหลักในเรื่อง ซึ่งความสนใจก็คือผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นเพศชาย แต่กลับเล่าเรื่องประเด็นชายเป็นใหญ่ที่แฝงอยู่ในสังคมของญี่ปุ่นได้อย่างแนบเนียน ผ่านเสียงหัวเราะของหนังคอเมดี้ที่อบอุ่นเรื่องนี้

คิมจียอง เกิดปี 1982 (2019) - ภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่องที่ 2 จากวรรณกรรมที่สะเทือนประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเพศ และสร้างเอฟเฟกต์การต่อต้านเฟมินิสต์ในเกาหลีใต้ให้ประทุขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องราวถูกเล่าผ่านตัวละครหลักอย่าง ‘คิมจียอง’ หญิงสาวธรรมดาๆคนหนึ่งที่เปลี่ยนจากการเป็นพนักงานบริษัทไฟแรง มาเป็นแม่บ้านและแม่ของลูกในครอบครัว ปมปัญหาและความเจ็บปวดส่งผลให้เธอค่อยๆมีบุคลิกที่เปลี่ยนไป จน ‘จองแดฮยอน’ สังเกตถึงความผิดปกตินี้ได้ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่สั่นคลอน ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้นักแสดงนำมากฝีมืออย่าง จองยูมิ และ กงยู มารับบทนำของเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติกที่พลาดไม่ได้จริงๆ

BAD MOMS (2016) – เรื่องราวของคุณแม่ลูกสอง ที่พยายามจะเลี้ยงลูกๆของเธอให้มีชีวิตที่ดีและเพอร์เฟ็กต์ที่สุด แต่ในเมื่อตัวเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง มีผิดได้ พลาดเป็น และความพยายามอย่างหนักไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของลูกๆเธอมีชีวิตที่สวยหรูเหมือนในเทพนิยายอยู่ดี เธอจึงขอปฏิวัติตัวเองให้เป็น Bad Moms มันซะเลย หนังคอเมดี้ว่าด้วยความขบถของคุณแม่ยุคใหม่ ที่จะเรียกเสียงหัวเราะและทำให้เราภูมิใจกับความ Perfectly imperfect

On the Basis of Sex (2018) – ภาพยนตร์ที่สร้างโดยอิงจากเรื่องราวชีวิตจริงของ รูธ เบเดอร์กินส์เบิร์ก อดีตอัยการและหนึ่งในตุลาการสูงสุดของอเมริกา แน่นอนว่าแม้เรื่องราวจะเข้มข้นไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับนิติศาสตร์และกฏหมาย แต่ในทุกบทตอนของชีวิตรูธนั้นเต็มไปด้วยประเด็นการกีดกันทางเพศที่เธอเจอมาตลอด เพราะแม้แต่ผู้ที่อยู่ในวงการความยุติธรรมก็เชื่อว่าชายและหญิงนั้นไม่เท่าเทียมกัน นอกจากบทบาททางอาชีพที่แล้ว ในด้านความสัมพันธ์ เธอก็เป็นทั้งแม่และภรรยาคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งสุดๆ ใครชอบหนังแนวดราม่า ชีวประวัติเรื่องนี้บอกเลยว่าอบอุ่นและปลุกพลังมากๆ

Lady Bird (2018) – ปิดท้ายด้วยหนังดราม่า-คอเมดี้อีกหนึ่งเรื่อง โดยตัวละครหลักขอสลับมาเป็นฝั่งลูกสาวกันบ้าง เรื่องราวของสาววัยมัธยมปลายนาม คริสติน ผู้เกลียดชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้สุดๆ จนเลือกที่จะตั้งชื่อให้ตัวเองใหม่ว่า เลดี้ เบิร์ด แม้จะเป็นหนัง Coming of age ที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีประเด็นหนักๆเหมือนทั้ง 4 เรื่องที่ผ่านมา แต่เลดี้ เบิร์ด ก็เล่าเรื่องราวของเด็กสาวผู้อยากมีตัวตน มีชีวิตที่ใฝ่ฝัน แต่ทุกสิ่งก็ไม่อาจเป็นไปตามความคาดหวังได้ทั้งหมด ความขบถของช่วงวัยรุ่น และความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกับเพื่อนและคนในครอบครัว โดยเฉพาะการปะทะอารมณ์ระหว่างแม่ลูกที่มีตั้งแต่ในฉากเปิดเรื่อง และปมประเด็นต่างๆที่ทำให้ทุกคนได้หัวเราะเคล้าน้ำตากันอย่างแน่นอน